เพื่อดูหน้าเว็บได้รวดเร็วสมบูรณ์ให้ดาวน์โหลดเบราว์เซอร์ที่่่แนะนำคลิกที่โลโก้เพื่อดาวน์โหลดพร้อมติดตั้ง

27 ตุลาคม 2553

ความมั่นคงขององค์กร Stability of the organization.

สำนวนฝรั่งที่ว่า People Organiztion But Leave Their Boss สำนวนนี้มีทีมาเกิดจากหลายๆองค์กรที่พยายามสรรหาบุคลากรเก่งๆเข้ามาสู่องค์กรแต่ไม่สามารถรักษาคนเหล่านั้นไว้ได้ ส่วนใหญ่เรามักเข้าใจว่าการดึงดูดและรักษาคนให้อยู่ทำงานกับองค์กรนั้นขึ้นอยู่กับเงินหรือค่าตอบแทนที่น่าพึงพอใจ แต่หากถามว่าเงินคือตัวแปรสำคัญเพียงอย่างเดียวหรือไม่คำตอบคือ "ไม่ใช่"เพราะการจากไปของพนักงานมาจากหลายสาเหตุ การค้นหาคำตอบที่แท้จริงพบว่า พนักงานลาออกจากองค์กรเพราะเหตุใด ต้องอาศัยระยะเวลาการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพราะแค่การสัมภาษณ์ตอนลาออก Exit Interview และเหตุผลที่เขียนใบลาออกเพียงอย่างเดียว คงไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง เพราะคำตอบที่พนักงานส่วนใหญ่ตอบคือ ไปเรียนต่อ ไปช่วยงานที่บ้าน ได้งานใหม่ ล้วนแต่เป็นคำตอบเดิมๆที่อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ การหาโอกาสค้นหาต้นตอของการลาออกด้วยการโทรศัพท์ไปสอบถาม พนักงานที่ลาออกจากองค์กรแล้วสักระยะหนึ่งดูจะได้ผลมากกว่า เพราะคนที่ลาออกไปแล้ว มักจะยินดีพูดความจริงเรื่องข้อมูลที่ถูกต้องของเหตุผลที่ลาออกอย่างแท้จริง ปรากฎว่ามากกว่า 80%ของพนักงานที่ลาออกไปแล้วนั้น ส่วนใหญ่กลับคำให้การของตัวเอง และค้นพบว่าสาเหตุหลักของการลาออกนั้นมักมาจากปัญหาที่เกิดจากหัวหน้างาน สอดคล้องกับการวิจัยของสถาบันด้านการพัฒนาบุคลากรทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ว่า คนเข้าทำงานเพราะองค์กร แต่จากไปเพราะหัวหน้าได้เป็นอย่างดี จากการพูดคุยกับผู้จัดการหรือหัวหน้างานในหลากหลายองค์กร พบว่าไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้างานเท่าที่ควรนัก ส่วนใหญ่มักเลื่อนจากตำแหน่งพนักงานให้มาเป็นหัวหน้า โดยอาศัยเกณฑ์ Technical มากกว่าPeople Skill ประกอบด้วย แต่องค์กรมักมองข้ามข้อนี้ไป มีเพียงไม่กี่องค์กรเท่านั้น ที่มีการพัฒนาเรื่อง People Skill ให้กับคนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้า บางองค์กรเลวร้ายไปกว่านั้น คือไม่มีการพัฒนาPeople Skill ให้กับคนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าเลย จนทำให้เกิดปัญหาเรื้อรัง และส่งผลให้คนดี คนเก่งในองค์กรต้องหลีกหนีหัวหน้างานเหล่านั้นไป Marshall Goldsmith Executive Coaching ได้บรรยายหัวข้อที่หน้าสนใจ เกี่ยวกับภาวะผู้นำและตั้งข้อคิดไว้เตือนสติหัวหน้างานทั้งหลายว่า "What got you here, won't get you there" หมายความว่า "วิธีการท่านใช้ในอดีตและทำให้ท่านประสบความสำเร็จในวันนี้อาจไม่ใช่วิธีการที่ท่านจะนำไปใช้เพื่อสร้างความสำเร็จในอนาคต" Peter Drucker ปรมาจารย์ด้านภาวะผู้นำ กล่าวไว้ว่า "พวกเราใช้เวลามากมายในการสอนหัวหน้าว่า พวกเขาต้องทำอะไรเพิ่มเติมที่จะเป็นหัวหน้าที่ดี" แต่เราไม่ได้ให้เวลามากพอที่จะบอกหัวหน้าว่า พวกเขาควรหยุดทำอะไรเพื่อที่เป็นหวัหน้าที่ดี หัวหน้ามากกว่าครึ่งที่ผมเคยเจอ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม ถ้าเขารู้จักที่จะหยุดทำอะไรสักอย่างหนึ่งที่ไม่ควรทำพวกเขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีได้ในทันที สิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำ 5 อย่าง
1.รับปากแล้วไม่ทำ หรือรับปากในสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ อำนาจหรือหน้าที่ของตนคนเดียว เช่นรับปากจะขึ้นเงินเดือนให้ หรือจะให้โบนัสต้นปี หรือปรับเลื่อนตำแหน่งให้ เพื่อรั้งให้ลูกน้องทำงานให้ต่อไป เพราะจะทำให้ลูกน้องเสียความรู้สึก เสื่อมศรัทธา ไม่นับถือในเรื่องที่รับปากแล้วทำไม่ได้ อาจทำให้ลูกน้องหมดกำลังใจในการทำงาน
2.รับชอบแต่ไม่รับผิด ไม่กางปีกปกป้ปองลูกน้อง การเป็นหัวหน้าที่ดีคือ การรู้จักที่จะใช้มือ ใช้หัว และใช้หน้า หมายถึงการเป็นหัวหน้าต้องรู้จักที่จะใช้มือในการลงมือทำให้ลูกน้องได้เห็น ใช้หัวเพื่อสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ไม่ใช่คอยจับผิดลูกน้อง และที่สำคัญใช้หน้าเพื่อเอาไว้ยืดหน้ารับความผิดแทนลูกน้อง อย่างคำโบราณว่า "รับหน้า"ไม่ใช่ทุกอย่างบอกว่าไม่รู้ มอบหมายให้ลูกน้องทำแล้ว ลูกน้องเป็นคนทำแล้วจะเรียกว่าหัวหน้าได้อย่างไร
3.ตัดสินใจโดยไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น หรือไม่อธิบายเหตุผลใดๆ เป็นการตัดสินใจโดยยึดความคิดของตนเองเป็นหลัก อย่าบังคับลูกน้องทำในสิ่งที่เขาลำบากใจ ควรฟังเหตุผลส่วนตัวของลูกน้องบ้างหรือเมื่อตัดสินใจออกมาเบื้องต้นแล้วบอกว่าเป็นน"โยบาย"ซึ่งการอธิบายแค่นี้ไม่สามารถให้ลูกน้องเข้าใจได้กลับยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่ดีต่อองค์กรมากขึ้นไปอีก
4.พูดจาไม่ให้เกียรติลูกน้อง หัวหน้างานจำนวนหนึ่งมีความคิดว่าตัวเองมีความสนิทสนมกับลูกน้องเป็นอย่างดี จึงไม่จำเป็นต้องระวังคำพูดมากนัก โดยเฉพาะลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานานยิ่งสนิท คิดไปเองว่าลูกน้องคงรู้จักนิสัยของตนดีอยู่แล้ว ทำให้หัวหน้าหลายๆคน ไม่ระวังคำพูด และปฎิบัติกับลูกน้องอยู่บ่อยๆ
5.ตำหนิลูกน้องต่อหน้าธารกำนัล หัวหน้าจำนวนมากไม่ไว้หน้าลูกน้อง ถ้าลูกน้องทำพลาดก็จะตำหนิกันตรงนั้นเลย พูดเสียงดังในสิ่งที่เป็นปมด้อยและความผิดพลาดของลูกน้องต่อหน้าพนักงานแผนกอื่น ทำให้ลูกน้องรู้สึกอายและไม่อยากทำงานให้ และที่สำคัญไม่เคยชมลูกน้อง นัยว่าลูกน้องเหลิงอะไรทำนองนั้น
อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ
ความเสมอภาคเท่าเทียม ความเป็นกลางและความยุติธรรม การให้สิทธิพิเศษกับลูกน้องคนใดคนหนึ่งจนทำให้เห็นความแตกต่าง เช่น ลูกน้องบางคนทำดีและหน้าที่ของตัวเองไม่มีข้อบกพร่อง ส่วนอีกคนทำผิดระเบียบบ่อยครั้ง แต่ได้รับผลงานและผลตอบแทนเท่ากันหรือดีกว่า ทำให้ลูกน้องอีกคนที่ทำดีอยู่แล้วไม่มีกำลังใจในการทำงานและเสียความรู้สึกได้ คุณควรจะเป็นหัวหน้าที่มีความยุติธรรมมากกว่า่นี้ ไม่ควรเอาความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินมากเกินไป

บทความยอดนิยม 5 อันดับ Popular Posts

ท่องเที่ยวบนยานอวกาศนานาชาติ

คลิบวีดีโอ:การดูแลสุขภาพที่สำคัญมาก