ขับรถอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด How to drive safely

จำนวนรถป้ายแดงออกใหม่หลายร้อยคันต่อวันและเมื่อพบการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งรถแต่ละคันพังยับยู่ยี่เหมือนหยำกระดาษด้วยมือ นอกจากป้องกันอุบัติเหตุแล้วการขับรถให้ปลอดภัย หมายถึง การประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าน้ำมัน ค่าสึกหรอ ค่าการบำรุงรักษา และที่สำคัญอย่างยิ่งยวด คือ ความปลอดภัยต่อผู้อื่นที่ใช้ท้องถนน หรือผู้ที่สัญจรอื่นๆก่อนอื่นก่อนคุณขับรถทุกครั้งไม่ว่าระยะทางใกล้หรือไกลสภาพรถจะต้องพร้อม ต้องวางแผนไม่รีบเร่งเกินไป โดยเฉพาะการบริหารเวลาในการเดินทาง อย่าให้เวลากระชั้นชิดมาก เพราะจะทำให้คุณรีบเร่งผลสุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุ สภาพร่างกายและจิตใจจะต้องพร้อมไม่วิตกกังวล โมโหฉุนเฉียว อารมณ์เสียจากเรื่องอื่นๆ อย่าคิดว่าขับรถไปแค่ 1 ถึง 2 กม.(กิโลเมตร) แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก เพราะการขับรถร่างกายและสมองของคุณต้องออกแรงด้านกายและความคิด ด้านร่างกายต้องใช้กำลังแขนในการเลี้ยว ใช้เท้าในการเหยียบเบรกและเร่งเครื่อง ส่วนตาต้องสอดส่องและเพ่งมองตลอดเวลา ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้สมองและสภาพร่างกายของคุณ เครียดและเมื่อยล้าเพิ่มขึ้นจากปกติ แต่ถ้าร่างกายของคุณอดนอนหรืออ่อนเพลียจะเพิ่มความเครียดและเมื่ยล้าขึ้นอีกเท่าตัว ฉนั้นคุณอย่าชะล่าใจเป็นอันขาด ว่าขับรถแค่ระยะใกลส่วนการขับรถทางไกลต้องวางแผนเรื่องเส้นทาง เวลา และผู้ขับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สภาพรถต้องพร้อมที่จะเดินทางไกล คุณต้องตรวจเช็คก่อนทุกครั้ง สิ่งที่ต้องระมัดระวังอีกอย่าง คือผู้ที่ขับรถเป็นใหม่ๆ อย่าเพิ่งขับรถทางไกลๆ เพราะเสี่ยงมากเนื่องจากการขับรถทางไกลต้องใช้ความเร็ว ถ้าไม่ชำนาญหรือยังไม่มีประสบการณ์ จะทำให้การตัดสินใจเฉพาะหน้าเวลาเกิดเหตุการณ์คับขันจะไม่มีเลย จะทำให้ตกใจและการสั่งการของสมองคุณอึ้งหรือช็อคไปเลย เพราะสมองคุณไม่คุ้นเคยจากสภาพการต่างๆที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ต่างจากคนที่ขับเป็นประจำจนคุ้นเคยการสวมรองเท้า เวลาขับรถควรสวมรองเท้าหุ้มส้นพื้นเรียบ อย่าใส่รองเท้าแตะ จะทำให้ปวดเมื่อยเท้า และลื่นได้ง่าย การขับรถให้ปลอดถัยที่สุดนอกจากปฎิบัติตามกฎจราจรและป้ายจราจรแล้ว คุณต้องฝึกการคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้นได้ขณะขับรถ เช่น ถ้ายางระเบิดคุณจะทำอย่างไร รถลื่นเพราะถนนเปียกจะทำอย่างไร หรือ มีรถ คน สัตว์และสิ่งกีดขวางทางหรือตัดหน้ารถกระทันหันคุณจะทำอย่างไร คันหน้าเบรกกระทันหันคุณจะทำอย่างไร การฝึกการคาดการณ์ล่วงหน้าเป็นการเตือนการสั่งการของสมองให้เกิดความระมัดระวังตลอดเวลา และจะไม่เกิดอาการอึ้งหรือช็อคของสมองหรือคิดอะไรไม่ออกเมื่อเกิดเหตุการณ์กระชั้นชิดกระทันหันและอีกอย่างคุณอย่าดื้อเพ่งต่อตัวเองเมื่อขับรถไปแล้วเกิดอาการง่วงนอนหรือหาวหลายๆครั้งติดต่อกัน เป็นการเตือนของระบบร่างกายว่าสมองของคุณเหนื่อยล้า ต้องการพักผ่อนระยะสั้นๆ ถ้าคุณฝืนต่อไปสิ่งที่ตามมาคือ คุณหลับในแน่นอน ยาวิเศษที่ช่วยป้องกันเมื่อรู้สึกหาวและง่วงนอน คือคุณต้องหาที่จอดรถในที่ที่ปลอดภัยที่สุด และงีบหลับไปเลยครับ อย่าลืมแง้มกระจกด้วยเพื่อให้อากาศถ่ายเท เมื่อคุณงีบหลับจนเพียงพอร่างกายจะสะดุ้งตื่นขึ้นเองโดอัตโนมัติ ต่อจากนั้นคุณจะขับรถต่อ จะทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างมหัศจรรย์ลองปฎิบัติดูครับ พึงระลึกไว้เสมอว่าอย่าประมาทอย่าสำคัญตัวเองว่าแข็งแรงและอย่าคิดว่าคนอื่นที่ขับรถไปบนท้องถนนกับเราจะระมัระวังเหตุเท่ากับตัวเรา เราเท่านั้นต้องระวังเหตุให้มากกว่าอยู่เสมอ และคุณต้องมีสภาพจิตที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในการใช้ถนนต่อผู้อื่น